เทคนิคใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่นอาจเปลี่ยนอนาคตของผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมไปตลอดกาล CRISPR-Cas9 ถูกใช้เพื่อกำจัดโครโมโซมส่วนเกินได้สำเร็จในเซลล์มนุษย์ การรักษาที่เคยเป็นไปไม่ได้ อาจใกล้ความจริงมากกว่าที่คิด
ดาวน์ซินโดรมเป็นภาวะทางพันธุกรรมที่พบได้บ่อยที่สุดในโลก โดยเกิดขึ้นในทารกประมาณ 1 ใน 700 คน ซึ่งเป็นผลมาจากการมีโครโมโซม 21 เพิ่มขึ้นมาหนึ่งเส้น ทำให้มีทั้งหมด 3 เส้นแทนที่จะเป็น 2 เส้นตามปกติ ภาวะนี้ส่งผลให้เกิดความบกพร่องทางสติปัญญา ลักษณะทางกายภาพที่เฉพาะเจาะจง และปัญหาสุขภาพหลากหลายประเภท
แม้ว่าจะมีการศึกษาและพัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมมานานกว่าครึ่งศตวรรษ แต่ยังไม่มีการรักษาใดที่สามารถแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานของโรคได้ กล่าวคือ การกำจัดโครโมโซมส่วนเกินออกจากเซลล์ ทำให้การรักษาที่มีอยู่เป็นเพียงการบรรเทาอาการและสนับสนุนการพัฒนาของผู้ป่วยเท่านั้น
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น นำโดย ดร.ริโยทาโร่ ฮาชิซุเมะ ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคนิคการรักษาดาวน์ซินโดรมแบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนแปลงวงการการแพทย์ไปตลอดกาล โดยใช้เทคโนโลยี CRISPR-Cas9 ในการกำจัดโครโมโซม 21 ส่วนเกินจากเซลล์ผู้ป่วยอย่างจำเพาะเจาะจง
เทคนิคที่พัฒนาขึ้นนี้มีชื่อเรียกว่า "allele-specific multiple chromosome cleavage" ซึ่งแตกต่างจากวิธีการเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยมีความสามารถในการแยกแยะและตัดเฉพาะโครโมโซม 21 เส้นที่ต้องการกำจัด โดยไม่กระทบต่อโครโมโซม 21 เส้นอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย
การวิจัยนี้ใช้หลักการของ "haplotype phasing" ในการระบุและแยกแยะโครโมโซม 21 ทั้ง 3 เส้นในเซลล์ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากการถอดรหัสพันธุกรรมแบบครบถ้วน (whole genome sequencing) เพื่อหาตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละเส้นโครโมโซม จากนั้นจึงออกแบบ guide RNA (gRNA) ที่สามารถจำแนกและตัดเฉพาะโครโมโซมเป้าหมาย
นักวิจัยพบว่าการเพิ่มจำนวนจุดตัดบนโครโมโซมเป้าหมายจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการกำจัดโครโมโซมเพิ่มขึ้น โดยเมื่อใช้ระบบตัด 13 จุด (M2-AS × 13) สามารถกำจัดโครโมโซมส่วนเกินได้ถึง 13.1% ในเซลล์ต้นกำเนิดแบบ induced pluripotent stem cells (iPS cells)
การเปรียบเทียบกับเทคนิคแบบไม่จำเพาะ (allele-nonspecific) พบว่าเทคนิคใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเทคนิคแบบไม่จำเพาะให้ผลเพียง 6.0-8.1% เท่านั้น นอกจากนี้ เซลล์ที่ได้รับการรักษาด้วยเทคนิคใหม่ยังมีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่า (57.0%) เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคเดิม (12.7%)
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดโครโมโซม นักวิจัยได้ใช้เทคนิคการยับยั้งการซ่อมแซม DNA ชั่วคราวโดยการใช้ small interfering RNA (siRNA) เพื่อลดการทำงานของยีน LIG4 และ POLQ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมรอยแตกหักของ DNA ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าการยับยั้งนี้สามารถเพิ่มอัตราการกำจัดโครโมโซมได้ถึง 1.78 เท่า
หนึ่งในผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการวิจัยนี้คือการค้นพบว่าเมื่อกำจัดโครโมโซม 21 ส่วนเกินสำเร็จแล้ว เซลล์สามารถฟื้นฟูฟังก์ชันต่างๆ กลับสู่สภาวะปกติได้
การวิเคราะห์การแสดงออกของยีน (RNA sequencing) แสดงให้เห็นว่าเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขมีรูปแบบการแสดงออกของยีนที่แตกต่างจากเซลล์ดาวน์ซินโดรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยีนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบประสาท การเผาผลาญพลังงาน และกระบวนการเซลล์ต่างๆ
ผลการวิเคราะห์ Gene Ontology (GO) เผยให้เห็นว่าเซลล์ที่ได้รับการแก้ไขมีการเพิ่มขึ้นของการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาระบบประสาท (nervous system development) การสร้างเซลล์ประสาท (neurogenesis) และการพัฒนาสมองส่วนหน้า (forebrain development) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาในผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม
นอกจากการเปลี่ยนแปลงในระดับยีนแล้ว เซลล์ที่ได้รับการแก้ไขยังแสดงการปรับปรุงในด้านฟังก์ชันของเซลล์ เช่น การแบ่งตัวที่เร็วขึ้น การลดลงของการผลิต reactive oxygen species (ROS) และการปรับปรุงฟังก์ชันของมิโตคอนเดรีย
การวิจัยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเซลล์ต้นกำเนิดเท่านั้น นักวิจัยได้ทดสอบเทคนิคนี้ในเซลล์ชนิดต่างๆ รวมถึงเซลล์ไฟโบรบลาสต์จากผิวหนังของผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเทคนิคนี้สามารถกำจัดโครโมโซมส่วนเกินได้ถึง 13.9% ในเซลล์ไฟโบรบลาสต์
ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นคือการค้นพบว่าเทคนิคนี้ยังสามารถใช้ได้กับเซลล์ที่หยุดการแบ่งตัวแล้ว โดยพบว่าสามารถกำจัดโครโมโซมได้ 3.2% ในเซลล์ที่ไม่แบ่งตัว ซึ่งเปิดโอกาสสำหรับการรักษาเนื้อเยื่อที่พัฒนาเต็มที่แล้วในอนาคต
แม้ว่าผลการวิจัยจะให้ความหวัง แต่นักวิจัยยังคงระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย การวิเคราะห์พบว่าการใช้ CRISPR-Cas9 อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ DNA ที่ไม่ได้ตั้งใจ (off-target effects) แม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำ
การตรวจสอบโครโมโซมด้วยเทคนิค G-banding ไม่พบความผิดปกติของโครงสร้างโครโมโซมหรือจำนวนโครโมโซมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ในระดับโมเลกุลพบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่โครโมโซมที่เหลืออยู่
นักวิจัยได้ระบุจุดที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมก่อนที่จะนำเทคนิคนี้มาใช้ในการรักษาจริง ซึ่งรวมถึง การเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดโครโมโซมให้ใกล้เคียง 100% การพัฒนาเทคนิคที่ไม่ต้องใช้การตัด DNA และการสร้างระบบนำส่งที่สามารถใช้ในร่างกายได้
การศึกษาเพิ่มเติมในเซลล์ประสาทและเซลล์สมอง ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม จะเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาการรักษา
การวิจัยนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาดาวน์ซินโดรม โดยแสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าเป็นไปได้ที่จะแก้ไขความผิดปกติของโครโมโซมในเซลล์มนุษย์ได้อย่างจำเพาะเจาะจง แม้ว่าจะยังต้องมีการศึกษาและพัฒนาอีกมาก แต่งานวิจัยนี้ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาการรักษาที่แก้ไขต้นเหตุของโรคในอนาคต
สำหรับครอบครัวผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม การค้นพบนี้เป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีก่อนที่เทคนิคนี้จะพร้อมสำหรับการใช้งานในคลินิก แต่ก้าวแรกที่สำคัญนี้ได้เริ่มต้นแล้ว
บทความนี้สรุปจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน PNAS Nexus โดย Hashizume, R., et al. (2025) เรื่อง "Trisomic rescue via allele-specific multiple chromosome cleavage using CRISPR-Cas9 in trisomy 21 cells"